FIGHT & MARTIAL ARTS

เกร็ดกีฬาบราซิลเลี่ยนยิวยึตสู ตอนที่ 2. Gi หรือ No Gi ดี ????

03.07.2017

BJJ แบ่งการเล่น และการแข่งขันออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือแบบใส่ชุดฝึก ที่เรียกว่า กิ (Gi, Kimono) และ ไม่ใส่กิ (No Gi) ทั้งสองแบบนี้มีความแตกต่างกันและก็คล้ายกันอยู่ในตัว

Gi คือชุดฝึก BJJ หน้าตาจะคล้ายกับชุดฝึกยูโด เพียงแต่ว่ามีความกระชับ รัดรูปมากกว่า เพื่อการเคลื่อนไหวที่คล่องตัว ยึดจับได้ยากขึ้น แต่คำนึงถึงความปลอดภัย เนื่องจากนิ้วมือ นิ้วเท้า จะไม่ไปติดอยู่ในแขนเสื้อ ขากางเกง หรือตามรอยย่นของผ้าเวลาที่สู้กัน

ข้อดีของการฝึกแบบ Gi คือการเคลื่อนไหวที่ช้าลง เนื่องจากมีเสื้อให้ดึงและเหนี่ยวรั้ง จึงทำให้ผู้เล่น สามารถทำความเข้าใจ เรียนรู้ ตำแหน่งต่างๆ และการถ่ายน้ำหนักได้ดีขึ้น อีกทั้งยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในลักษณะของการป้องกันตัว โดยใช้เสื้อผ้าของฝ่ายตรงข้ามอีกด้วย

การสวมใส่ชุดฝึกยังเป็นการสืบสานระบบวัฒนธรรม ในแบบญี่ปุ่น ซึ่งแสดงออกถืงระเบียบวินัย ความมีระเบียบแบบแผน และแสดงถึงวิทยฐานะ ในระดับต่างๆ โดยมีการแบ่งตามสีของสายคาดเอว โดยอ้างอิงจาก IBJJF (international Brazilian Jiu-Jitsu Federation) ซึ่งจะแบ่งตามสีคือ ขาว ฟ้า ม่วง น้ำตาล และ ดำ ในระดับผู้ใหญ่  (บางสำนักมีสายเขียวก่อนสายฟ้า) และ ขาว เทา เหลือง ส้ม เขียว ในระดับเด็ก นอกจากนั้นยังมีแถบสีดำ อยู่ตรงปลายสาย เพื่อระบุระดับขั้นของแต่ละสีด้วย ส่วนในระดับผู้สอน ก็จะมีแถบสีแดงอยู่ตรงปลายสาย ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของกีฬา BJJ สำนักต่างๆ ยังนิยมใช้สายดำปลายแดงนี้ มาเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกด้วยว่า ยิมนี้สอน BJJ นะ

ด้วยความที่เป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วโลก จึงมีสปอนเซอร์ต่างๆมากมาย เข้ามาติดต่อนักกีฬาเพื่อแปะตราสัญลักษณ์การค้า ลงบนเสื้อเพื่อทำการตลาดสินค้าของตัวเอง จึงทำให้นักกีฬาดังๆหลายคน มีแพทช์ (patch) หรือตราโลโก้สัญลักษณ์ติดเต็มตัวไปหมด เหมือนนักแข่งมอเตอร์ไซค์เรซซิ่ง อย่างไรก็ตามการติดตราโลโก้ จะทำได้เฉพาะในจุดที่กำหนดเท่านั้น เนื่องจากบางจุดจะทำให้คู่ต่อสู้ยึดจับได้ลำบาก ถือเป็นการเอาเปรียบกันในการแข่งขัน

ส่วน No Gi จะหมายถึง ไม่สวมใส่ชุดฝึก แต่ไม่ใช่ว่าไม่ใส่อะไรเลย เพราะจะต้องใส่เป็นเสื้อรัดรูป กางเกงขาสั้น หรือกางเกงรัดรูป ซึ่งชุดเหล่านี้ห้ามมีกระดุม กระเป๋าหรือ ซิป โดยเด็ดขาด เพราะจะก่อให้เกิดแผลขีดข่วน หรือนิ้วเข้าไปติดได้ ในระดับการแข่งขันใหญ่ๆ อย่าง IBJJF ยังกำหนดให้นักกีฬาใส่เสื้อ และกางเกง มีสีระบุ ตามระดับสายสีของตัวเองอีกด้วย

ข้อดีของการฝึกแบบ No Gi ก็คือ ความเร็ว เนื่องมาจากไม่มีเสื้อผ้าให้ยึดจับ อีกทั้งยังมีความลื่นของเหงื่อ จึงทำให้เกมการเล่น เป็นไปแบบรวดเร็วการจับล็อค หรือทำซับมิทชั่น จะทำได้ยากขึ้น ฉะนั้นผู้เล่นจำเป็นจะต้องเร่งประสาทสัมผัส การตอบสนองให้เร็ว และแม่นยำขึ้น อีกทั้งยังสามารถต่อยอดไปในกีฬา MMA ได้อย่างดีอีกด้วย

Comment