FIGHT NEWS

เส้นทางของ 8 นักสู้ ผู้เข้ารอบสุดท้าย IGNITE WARRIOR CHAMPIONSHIP 2018

16.06.2018

การแข่งขันมวย อิ๊กไนท์ วอร์รีเออร์ แชมเปี้ยนชิพ 2018 หรือ “IGNITE WARRIOR CHAMPIONSHIP 2018” (IWC) ซึ่งเป็นการแข่งขัน MMA ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานแบบ ลีก ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งจัดขึ้นโดย บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ร่วมกับ ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 ที่สตูดิโอ 1 บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด ลาดพร้าว ซอย 107 โดยมี นายจิติณัฐ อัษฎามงคล นายกสมาคมสมาพันธ์ศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน หรือ TMMAF (Thai Mixed Martial Art’s Federation) และ EXECUTIVE PRODUCER โครงการ Ignite Martial Sport บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด เป็นประธาน

นักสู้ 16 คนใน 4 รุ่นน้ำหนัก ที่ถูกคัดเลือกมาในรายการ จะเข้าสู่ทีมของโค้ชทั้ง 4 ท่าน นั่นคือ
โค้ชครูทอง – ทองหล่อ อามาตย์เสนา ยอดสไตร์กิ้งโค้ชของทีม Alpha Male
โค้ชแรมบ้า – ศิลาศักดิ์ กลิ่นมี ยอดนักสู้แชมป์ MMA คนแรกของไทย
โค้ชวันชิน - ชนนภัทร วิรัชชัย นักสู้ดาวรุ่งของ ONE Championship
โค้ชแมทธิว - แมทธิว ดีน ฉันทวานิช เจ้าของค่ายคงสิทธา ค่ายมวยที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ

โดยเหล่านักสู้ทั้ง 16 คน  ต้องผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือด ในรอบเก็บคะแนนทั้งหมด 3 ครั้ง ( กติกา 1 ยก 5 นาที) เพื่อดูว่า ใครจะเป็น 2 คน ที่สามารถเก็บคะแนน ได้สูงสุด เพื่อเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศที่จะต้องสู้กัน 3 ยก (3 นาที พัก 1 นาที) และ ตอนนี้เรามาดูเส้นทางของคู่ชิงชนะเลิศทั้ง 4 คู่ ที่จะเข้าไปชิงชัยกันในวันที่ 22 กรกฏาคม 2561 เพื่อเงินรางวัลชนะเลิศ 1 แสนบาท และ โอกาสในการเป็นตัวแทนชาวไทย ในการแข่งขัน MMA สมัครเล่นระดับเอเชีย และ ระดับโลก


Bantamweight รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 61.2 KG

การชิงแชมป์รุ่น BantamWeight จะเป็นการพบกันระหว่าง ลูกทีมของ โค้ชวันชิน นั่นคือ รุ่งโรจน์ “KING KONG” โพธิ์ศรี (ก้อง) และ โค้ชแรมบ้า ฐิติวัชร์ “Lazy Guy” รฐานิธีธนายศ (หลู)

รุ่งโรจน์ “คิงคอง” โพธิ์ศรี (ก้อง) จากทีม โค้ชวันชิน นักสู้พ่อลูกอ่อน ตัวเต็งของรุ่น อดีตตัวแทนหนึ่งเดียวของชาวไทย ที่เคยได้ไปแข่งขันในการแข่ง MMA สมัครเล่น ระดับโลก 2017 IMMAF World Championship ที่ประเทศบาร์เรน ซึ่งในการแข่งขันรอบเก็บคะแนน ก็โชว์ทักษะได้ยอดเยี่ยมทั้ง การออกหมัด และ การทุ่ม เก็บชัยชนะ 3 นัดรวด โดยในรอบที่ 1 เจอกับ เน วิไลพันธ์ ก็สามารถใช้หมัดเด็ดเอาชนะน็อคไปได้ด้วยเวลาเพียง 14 วินาทีเท่านั้น

ในรอบที่ 2 รุ่งโรจน์ ต้องมาพบคู่ปรับเก่าที่เคยเฉือนเอาชนะคะแนน มาอย่างสุดมันส์ในปีที่แล้วอย่าง ฐิติวัชร์ “เลซี่กาย” รฐานิธีธนายศ จากทีมโค้ชแรมบ้า ที่มาเก็บตัวอยู่ที่พัทยาเพื่อฝึกซ้อมอย่างเต็มตัว รุ่งโรจน์ ก็ยังใช้ประสปการณ์ที่เหนือกว่าสามารถคุมเกมทั้งเกมยืนและเกมนอนได้เป็นอย่างดี เอาชนะคะแนนไปได้อีกครั้ง

ในรอบที่ 3 รุ่งโรจน์ ต้องปะทะกับ สิทธา “แบต มวยไชยา” แสนสมบูรณ์สุข นักสู้เพื่อนสนิทที่ซ้อมด้วยกันที่ Bangkok Fight Lab แต่เกมกีฬาไม่ปราณีใคร รุ่งโรจน์ ยังใช้ทักษะหมัดสุดสวยจาก ONESHIN STRIKING SYSTEM ที่โค้ชวันชิน สอนมาได้อย่างแม่นยำ เอาชนะ KO ไปได้ด้วยเวลาเพียง 55 วินาที เท่านั้น

ฐิติวัชร์ “Lazy Guy” รฐานิธีธนายศ (หลู) จากทีม โค้ชแรมบ้า นักสู้จาก อุบลราชธานี ที่ชื่นชอบการฝึกมวย เคยฝึกฝนอยู่ในค่าย Lecagy Gym ของยอดนักสู้ Ole Baguio Laursen ผ่านสังเวียน MMA สมัครเล่นมาหลายครั้ง ปัจจุบันย้ายมาอยู่ที่ Faitex พัทยา เพื่อฝึกซ้อมเป็นนักสู้เต็มเวลา โดยได้โค้ชแรมบ้า คอยช่วยติวเข้ม ในรอบเก็บคะแนนสามารถเก็บสถิติ ชนะ 2 แพ้ 1 เข้ามาสู่รอบชิงชนะเลิศได้ในที่สุด โดย ในรอบที่ 1 เจอกับ สิทธา ที่ใช้เกมนอนเข้าต่อสู้จนเกือบที่จะใส่ Submission ใส่ ฐิติวัชร์ ได้แต่ ฐิติวัชร์ ก็ใช้ความชำนาญที่มากว่า แก้ไข และ เอาชนะคะแนนมาได้

รอบที่ 2 ต้องมาเจอกับของแข็งอย่าง รุ่งโรจน์ ซึ่ง ฐิติวัชร์ ไม่สามารถใช้แผนที่ตัวเองวางมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้รอบนี้ไม่สามารถแก้แค้น ได้ พ่ายคะแนนให้กับ รุ่งโรจน์ ไปในที่สุด

รอบที่ 3 ต้องเจอกับ นักสู้ เน “NE” วิไลพันธ์ ซึ่งไม่มีหวังในการเข้ารอบแล้ว แต่ก็ยังมุ่งมั่นฝึกฝน และ ได้ยอดมวยไทยอย่าง แสนชัย มาติวเข้ม จนทำให้รอบนี้ ฐิติวัชร์ โดยหมัดของ เน ไปหลายที จนตาปิดไปข้างหนึ่ง แต่ก็ยังอาศัยการเทคดาวน์ และ กราวน์แอนด์พาว แก้เกมได้สำเร็จ เอาชนะ TKO ไปได้ในเวลา 3 นาที 50 วินาที

มาคอยดูกันว่า รุ่งโรจน์ ที่ตั้งใจจะชนะการแข่งขันครั้งนี้เพื่อจะได้สิทธิ์ไปเป็นนักกีฬาตัวแทนคนไทย ไปแข่งระดับโลกอีกครั้ง จะสามารถเอาชนะ ฐิติวัชร์ ที่ฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อมุ่งหวังจะล้างตา ต่อความพ่ายแพ้ 2 ครั้งที่ผ่านมา ได้หรือมั้ย

Featherweight รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 66 KG

การชิงแชมป์รุ่น FeatherWeight จะเป็นการพบกันระหว่าง ลูกทีมของ โค้ชแมทธิว นั่นคือ ปราชญ์ “ขุนศึก” บัวภา (เบส) และ โค้ชแรมบ้า นฤพนธ์ “The Tooth Fairy” ปลอดภัย (กอลฟ์)

ปราชญ์ “ขุนศึก” บัวภา (เบสท์) จากทีม โค้ชแมทธิว นักแสดงและเทรนเนอร์มวยไทย เจ้าของแชมป์ ONESHIN CUP TOURNAMENT 2017 นักสู้ที่มีทักษะการออกอาวุธอย่างแม่นยำ และ การป้องกันตัวบนพื้นได้อย่างดี ในรอบเก็บคะแนนก็สามารถเก็บชัยชนะทั้ง 3 รอบ และ มุ่งหวังที่จะทำสถิติ 4-0 ในการแข่งขันครั้งนี้ให้ได้ ในรอบที่ 1 นั้นต้องเจอกับ นักสู้วัยรุ่นไฟแรงอย่าง พสิษฐ์ “FOLK EMAC” ศุภโรจน์ดิลก ที่มีเกมเทคดาวน์อันน่ากลัว ปราชญ์ ก็สามารถใช้ประสปการณ์ที่เหนือกว่า คอยป้องกันการเทคดาวน์และออกอาวุธเก็บคะแนน จนชนะมาได้ในที่สุด

รอบที่ 2 พบกับคู่แข่งที่สู้กันมาหลายครั้งอย่าง นฤพนธ์ “The Tooth Fairy” ปลอดภัย ที่รอบแรกน็อคคู่ต่อสู้มาอย่างรวดเร็ว ปราชญ์ ก็ยังใช้ความแข็งแรง และ ทักษะ Cage Control ที่เหนือกว่า ย้ำแค้นให้กับ นฤพนธ์ ได้เป็นครั้งที่ 3

รอบที่ 3 ต้องมาเจอนักยูโดที่แข่งขันมามากมายอย่าง ณัฐพงศ์ “THE DOCTOR” รุณดิษฐ์ แต่ ปราชญ์ ซึ่งเก็บคะแนนจนเข้ารอบไปได้แล้ว ก็ไม่ประมาทคู่ต่อสู้ เตรียมเกมออกอาวุธ และ การป้องกันการทุ่ม จาก ณัฐพงศ์ ได้เป็นอย่างดี จนในที่สุด เอาชนะ TKO ไปได้ในเวลา 2 นาที 13 วินาที

นฤพนธ์ “The Tooth Fairy” ปลอดภัย (กอลฟ์) จากทีม โค้ชแรมบ้า ทันตแพทย์หนุ่ม นักสู้สุดหล่อ จากสุราษฎร์ธานี ที่หลงไหลในกีฬา MMA ซึ่งเคยได้ตำแหน่ง รองชนะเลิศ ONESHIN CUP TOURNAMENT 2017 ครั้งนี้หวังว่าจะมาล้างแค้น ปราชญ์ ให้สำเร็จ จึงฝึกซ้อมอย่างหนักกับ โค้ชแรมบ้า และ ทีมนักสู้จาก Fairtex ในรอบเก็บคะแนนแม้ว่าจะยังไม่อาจเอาชนะคู่ปรับอย่าง ปราชญ์ ได้ แต่ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ดีขึ้นทุกครั้งที่สู้กัน โดยในรอบที่ 1 นั้น นฤพนธ์ ต้องเจอกับอดีตเพื่อนร่วมทีม Bangkok Fight Lab อย่าง ปกป้อง “เจ้าชายอสรพิษ” มาลาเพชร ซึ่งพลาดท่าโดนหมัดเคาท์เตอร์จาก นฤพนธ์ และ โดนตามซ้ำจนแพ้น็อคไปอย่างรวดเร็ว

รอบที่ 2 นฤพนธ์ เจอกับคู่ปรับที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นอย่าง ปราชญ์ ซึ่งเคยเอาชนะ นฤพนธ์ มาได้แล้วถึง 2 ครั้ง รอบนี้ นฤพนธ์ ออกหมัดและเข้าประชิดเพื่อเทคดาวน์ ปราชญ์ อย่างรวดเร็วตั้งแต่ต้นยก และ สามารถยกปราชญ์ทุ่มลงไปได้ แต่ก็ไม่สามารถคอนโทรลให้อยู่บนพื้นได้สำเร็จ สุดท้ายเป็น ปราชญ์ ที่ออกอาวุธมากกว่า เอาชนะคะแนนไป

รอบที่ 3 ต้องมาตัดเชือกกับ พสิษฐ์ ที่ต้องการชัยชนะเพื่อเข้ารอบชิงแชมป์เช่นกัน เกมการต่อสู้เป็นไปอย่างตื่นเต้น เพราะทั้งคู่ต่างก็ต้องการจะเทคดาวน์อีกฝ่ายลงพื้นเพื่อคุมเกมที่ได้เปรียบและเป็นทางฝั่ง พสิษฐ์ ที่ทำได้ก่อน แต่ นฤพนธ์ ก็สามารถแก้ไข จนกลับมาเป็นฝ่ายเทคดาวน์ พสิษฐ์ ลงไปอยู่ข้างล่างแทน และ อาศัยการคุมตำแหน่งที่ดีกว่า ทำให้ พสิษฐ์ ไม่สามารทำไทรแองเกิ้ลได้สำเร็จ เก็บคะแนนชนะไปแบบฉิวเฉียด เรียกเสียงเชียร์สนั่นทั้งสนามแข่ง

คอยติดตามกันว่า ในการพบกันเป็นครั้งที่ 4 ใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัยระหว่าง ปราชญ์ ซึ่งภรรยากำลังจะมีลูก ทำให้มีแรงใจเป็นอย่างมากที่จะคว้าชัยชนะและเงินรางวัล เพื่อครอบครัว หรือ นฤพนธ์ ที่สั่งสมฝีมือและความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะคู่แข่งที่ยัดเยียดความปราชัยให้กับเค้ามาตลอด ครั้งนี้จะมีพลิกล็อกหรือไม่ อย่าพลาดชม

Lightweight รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 70 KG

การชิงแชมป์รุ่น Lightweight จะเป็นการพบกันระหว่าง ลูกทีมของ โค้ชแมทธิว นั่นคือ ชญานนท์ “ONE LOVE” โพธิจันทร์ (น็อต) และ โค้ชแรมบ้า ฐิติพันธ์ “JK” ต่อเติมกิจชัย (เจ)

ชญานนท์ “ONE LOVE” โพธิจันทร์ (น็อต) จากทีม โค้ชแมทธิว นักมวยไทย ที่อยากผันตัวเข้าสู่วงการ MMA ซึ่งแม้จะไม่ชำนาญการต่อสู้บนท่านอนมากนัก แต่ก็มีไหวพริบในการป้องกันการทุ่มได้ดี รวมถึงอาวุธที่หนักอย่างลูกเข่า ที่ทำให้ในการแข่งขันรอบเก็บคะแนนทั้ง 3 รอบ สามารถคว้าชัยมาได้ทั้งหมด โดยในรอบที่ 1 เจอกับ ฐิติพันธ์ “JK” ต่อเติมกิจชัย นักยูโด/ยูยิตสู ที่แข็งแกร่ง ก็สามารถป้องกันการทุ่มได้อย่างดี จนทำให้ชนะคะแนนไปได้

รอบที่ 2 เจอกับ นักสู้หมัดหนักอดีตแชมป์มวยสากลอย่าง สดุดี “นักรบยูดาห์” ศรีเมือง ที่มีทักษะที่ดี ทั้งการออกหมัดและการเทคดาวน์ ซึ่งทำให้ ชญานนท์ พลาดท่า โดนหมัดเด็ดจากลูกหลอกเทคดาวน์แล้วเหวี่ยงหมัดเข้าเต็มๆ แต่ชญานนท์ก็ยังอึด จับล็อคตีเข่า จนสดุดีต้องแก้เกมด้วยการเทคดาวน์ลงพื้น ชญานนท์ก็ยังเอาตัวรอดพลิกกลับมาได้ หลังจากการชกอย่างดุเดือด ชญานนท์ ซึ่งออกอาวุธได้มากกว่า จึงเป็นฝ่ายชนะคะแนนไปในที่สุด

รอบที่ 3 เจอกับ วุฒิชัย “แบงค์บาท” ศรีบุญ ซึ่งเป็นนักสู้สายมวยไทยด้วยกัน ชญานนท์ ก็แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจมากขึ้น ด้วยการออกอาวุธ มวยไทยทั้งหมัด และ เตะสูงเข้าก้านคอจน วุฒิชัย ต้องเข้ารวบเอวและพยายามจะทุ่มลงพื้น เพื่อหยุดการออกอาวุธ แต่ชญานนท์ ก็อาศัยจังหวะที่ได้เปรียบชึ้นคร่อม และ พา วุฒิชัย เข้าข้างกรงและรัวหมัด จนกรรมการยุติการแข่งในที่สุด

ฐิติพันธ์ “JK” ต่อเติมกิจชัย (เจ) จากทีม โค้ชแรมบ้า นักยูโด/ยูยิตสู ที่ผ่านงานแข่งขันระดับประเทศมาหลายครั้ง แม้ว่าจะพลาดท่าพ่ายคะแนนให้กับ ชญานนท์ ในรอบเก็บคะแนนรอบแรก แต่ก็สามารถสร้างผลงานที่ดีในรอบที่ 2 และ 3 จนคว้าตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ โดยในรอบที่ 1 เจอกับ ชญานนท์ ที่มีความแข็งแกร่งมาก ฐิติพันธ์ พยายามเข้าประกบเพื่อเทคดาวน์ลงพื้นให้ได้ ก็ไม่สามารถที่จะเอา ชญานนท์ ที่อาศัยกรงในการเอาตัวรอด ไม่ให้ ฐิติพันธ์ ทำตามแผนได้สำเร็จ พ่ายคะแนน ไป

รอบที่ 2 ฐิติพันธ์ ที่ได้รับการเสริมทักษะทั้งการออกอาวุธ และ แผนในการพาคู่ต่อสู้ลงพื้นจาก โค้ขแรมบ้า ก็สามารถเอาชนะ วุฒิชัย ไปได้ไม่ยากนักจากการปล่อยหมัดและเข้า Back Control และ รัดคอ วุฒิชัย ยอมแพ้ไปในที่สุด

รอบที่ 3 เจอกับ คู่ต่อสู้ที่ต้องการชัยชนะเพื่อเข้ารอบเช่นกันอย่าง สดุดี ซึ่ง ฐิติพันธ์ ก็ไม่ปล่อยให้ คู่ต่อสู้ ใช้เทคนิคมวยสากล ที่ถนัดได้ เข้ารุกไล่ ออกอาวุธใส่และเข้าประกบตั้งแต่แรก หลังจากที่ลงพื้นไปได้ ก็เป็นเกมที่ฐิติพันธ์ รอคอย ออกอาวุธ และ เข้า Side Control ไม่ให้โอกาส สดุดี ลุกขึ้นมาได้อีกตลอดทั้งยก จนชนะคะแนน ไปได้ในที่สุด

เป็นที่น่าสนใจว่า ในการรีแมตซ์ในรอบชิงชนะเลิศนี้ระหว่าง ชญานนท์ และ ฐิติพันธ์ เกมจะออกมาสนุกแค่ไหน ชญานนท์ ที่กำลังมั่นใจในประสปการณ์การแข่งขัน MMA มากขึ้นเรื่อยๆ จะต้องเจอกับ ฐิติพันธ์ ที่พัฒนาเกมการต่อสู้มาได้อย่างน่ากลัว สุดท้ายใครจะเป็นฝ่ายคว้าชัยกันแน่

Strawweight ผู้หญิง รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 52 KG

การชิงแชมป์รุ่น Strawweight ผู้หญิง จะเป็นการพบกันระหว่าง ลูกทีมของ โค้ชครูทอง นั่นคือ ณัชกมล “Wonder Girl” จันทาศรี (นัท) และ โค้ชวันชิน ประภัสสร “May Martial Warrior” ธัญญวานิช (เมย์)

ณัชกมล “Wonder Girl” จันทาศรี (นัท) จากทีม โค้ชครูทอง นักสู้สาวสวย สายเลือดนักมวยไทย ที่ชื่นชอบการต่อสู้ตั้งแต่เด็ก เติบโตมากับคุณพ่อที่เป็น ครูมวยไทย ณ จรูณศักดิ์มวยไทยยิม ผ่านสังเวียนการต่อสู้ทั้ง มวยไทย และ มวยสากล มาหลายครั้ง และ มี ริกะ อิชิเกะ นักสู้ MMA หญิงไทยคนแรกในสังเวียน ONE CHAMPIONSHIP เป็นไอดอล ประเดิมสังเวียน MMA สมัครเล่นในรายการ IWC ได้อย่างสวยงามด้วยการเก็บชัยชนะในรอบเก็บคะแนนได้ทั้ง 3 รอบ โดยในการแข่งขันรอบที่ 1 เจอกับ นักสู้จากทีมกีฬาอย่าง รุ่งนภา “ซุปเปอร์เฟิร์น” พวงสินธิ์ ซึ่งเคยแข่งขันทั้งมวยปล้ำ และ มวยไทย ก็เอาสามารถชนะคะแนนไปได้อย่างสนุก แสดงทักษะการเอาตัวรอดเมื่อโดนเทคดาวน์ไปอยู่ที่พื้นได้ดี

ในรอบที่ 2 เจอกับ เพื่อนร่วมทีมฝึกซ้อมที่ EMAC THAILAND ด้วยกันอย่าง ประภัสสร ซึ่งทำให้ ณัชกมล ไม่ตื่นเต้นมากนักเพราะเคยฝึกซ้อมกันอยู่ เมื่อจังหวะ จึงออกอาวุธปล่อยหมัดขวาตรง เข้าเต็มหน้าของ ประภัสสร จนเซไป และ ตามเข้าไปออกอาวุธซ้ำ จนกรรมการเข้ามายุติการต่อสู้ในที่สุด

รอบที่ 3 เจอกับ นักสู้ร่างเล็ก แต่ฝีมือดีอย่าง พรวิมล “ออย” ปนสูงเนิน ซึ่งหากเอาชนะ ณัชกมล ได้ ก็จะมีสิทธิ์เข้ารอบเช่นกัน เกมการต่อสู้เป็นไปอย่างสนุก เมื่อกรรมการสั่งชก พรวิมล พุ่งเข้ารวบ ณัชกมล ทันที และ พาลงสู่พื้นได้ รวมถึงขึ้นคร่อมทุบ ณัชกมล จนเกือบแย่ แต่ ณัชกมล แก้ไขจนลุกขึ้นมาได้ และ มีโอกาสใส่ กิโยตินโช๊ค พรวิมล จนสำเร็จ เก็บชัยชนะไปได้ในที่สุด

ประภัสสร “May Martial Warrior” ธัญญวานิช (เมย์) จากทีม โค้ชวันชิน นักแสดงสาว ที่ไม่เคยผ่านการแข่งขันกีฬาการต่อสู้ใดๆมาก่อน แต่มีความมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้และความกล้าที่จะเข้ามาลองแข่งขันในกีฬา MMA เธอมีเวลาเตรียมตัวในการแข่งขันนี้ไม่มากนัก แต่เธอก็มุ่งมั่นขยันฝึกซ้อม จนในที่สุด ก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ถึง 2 ไฟท์ในรอบเก็บคะแนน ทำให้มีคะแนนพอที่จะเข้ารอบมาสู่รอบชิงชนะเลิศ เพื่อสู้กับ นักสู้คนเดียวที่เอาชนะเธอได้ในรายการนี้อย่าง ณัชกมล นั่นเอง โดยในรอบที่ 1 ซึ่งเป็นการแข่งขันการต่อสู้ครั้งแรกของเธอ ได้เจอกับ พรวิมล ซึ่งตัวเล็กกว่าเธอมาก ทำให้ ประภัสสร ใช้ความได้เปรียบในระยะอาวุธที่ยาวกว่า คอยออกอาวุธใส่ พรวิมล จนพรมิวลต้องเปลี่ยนแผนที่จะแลกอาวุธ เป็นพุ่งเข้ารวบ แต่ ประภัสสร ซึ่งได้ฝึกฝนการปล้ำล็อคมาจาก ครูต่อ EMAC และ โค้ชวันชิน ก็อาศัยจังหวะทำ RNC รัดคอจากด้านหลัง เอาชนะไปได้

ในรอบที่ 2 ประภัสสร ต้องมาเจอนักสู้ที่ประสปการณ์สูงที่สุดของรุ่นอย่าง ณัชกมล ซึ่ง ได้ฝึกฝนการปล้ำล็อคด้วยกันที่ EMAC THAILAND ประภัสสร พยายามที่จะต่อสู้แต่ไม่สามารถ ทักษะมวยไทย ที่สูงกว่าของ ณัชกมล ได้ พลาดโดนหมัดตรงของ ณัชกมล และ ตามมาซ้ำ จนกรรมการต้องยุติในที่สุด

ในรอบที่ 3 เจอกับ รุ่งนภา ที่คะแนนไม่สามารถเข้ารอบได้แต่ก็ต้องการจะชนะ ประภัสสร เพื่อที่เพิ่มโอกาส ให้ พรวิมล ที่ได้ฝึกซ้อมมาร่วมกัน มีโอกาสที่จะเข้ารอบชิงชนะเลิศ แต่ ประภัสสร ก็สามารถที่จะใช้การเทคดาวน์ เพื่อพา รุ่งนภา สู่เกมบนพื้นที่เธอไม่ถนัด และ ระดมทุบจนกรรมการยุติไปในที่สุด คว้าคะแนนสำคัญที่พาเธอเข้ารอบชิงขนะเลิศได้สำเร็จ

ในรุ่นนี้อย่าพลาดชมว่า ประภัสสร ที่กำลังพัฒนาฝีมือในการชกอย่างต่อเนื่อง จะสามารถเอาชนะ ณัชกมล ได้หรือไม่ เพราะการแข่งที่ผ่านมาในรอบที่ 3 ได้ทำให้เห็นแล้วว่า หาก ประภัสสร สามารถพา ณัชกมล ลงพื้นได้ ความได้เปรียบเสียเปรียบเรื่อง ประสปการณ์การต่อสู้ ก็จะหายไปทันที หากประมาท มีสิทธิ์พ่ายได้แน่นอน

ใครจะได้เป็นแชมป์ 4 คนแรกของการแข่งขัน Ignite Warrior Championship 2018 การแข่งขันแบบ ลีก ครั้งแรกของประเทศไทย แฟนๆร่วมกันเชียร์ และ รับชมการแข่งขันได้ที่ สตูดิโอ JSL GLOBAL MEDIA ลาดพร้าว 107 หรือ รับชมการถ่ายทอดสดได้ทาง TRUE4U ช่อง 24 หรือทาง Facebook : IgniteFightClub ในวันอาทิตย์ที่ 22 กรกฏาคม 2561 เวลา 21.30 - 23.30 น.

Comment