FIGHT NEWS

Professional Fighters League กับความต้องการเจาะตลาด MMA ที่มีแฟนๆกว่า 450 ล้านคนทั่วโลก

07.01.2019

ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับ Professional Fighters League (PFL) องค์กร MMA น้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปในปี 2018 ผมอยากจะย้อนไปถึงดีลที่ใหญ่ที่สุดในวงการ MMA นั่นคือการซื้อ UFC ของบริษัท WME-IMG ที่ซื้อไปในราคา 4 พันล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 120,000 ล้านบาท ซึ่งก็น่าจะเห็นแล้วว่ามูลค่าตลาด MMA นั้นมีมูลค่าสูงขนาดไหน และ แน่นอนปัจจุบันผู้ที่เป็นผู้นำของวงการนี้ ก็ยังเป็น UFC แต่ อะไรละที่ทำให้ Donn Davis วัย 55 ปี ผู้ก่อตั้ง PFL คิดว่าเค้าจะทำการแข่งขัน MMA ที่ดีกว่า UFC ขึ้นมามาได้ เราไปทำความรู้จักกับ PFL และ แนวคิดที่แตกต่างออกไปของเจ้าของคนนี้กัน


Donn Davis

The Professional Fighters League (PFL) ซึ่งเริ่มเปิดการแข่งขันขึ้นในปี 2018 ในกรง 10 เหลี่ยม ในขณะที่การแข่งขัน MMA ในทั่วๆไป เป็นรูปแบบการแข่งขันแบบ ศึกที่มีโปรโมเตอร์ เป็นคนจับคู่การแข่งขัน ว่าใครควรเจอกับใคร และ ทำไฟท์นั้นขึ้น แต่ PFL ทำสิ่งที่แตกต่างออกไป นั่นคือใช้รูปแบบการแข่งขันเหมือนกีฬาอาชีพอย่าง กีฬาบาส NBA หรือ กีฬาอเมริกันฟุตบอล NFL ซึ่งจะมีฤดูการปกติ รอบแข่งขันตัดเชือก และ รอบชิงแชมป์ "แชมป์ควรได้จากก้าวไข่วคว้า ไม่ใช่มาจากการรับมอบ" Donn Davis กล่าว ซึ่งหมายถึง คุณควรจะต้องต่อสู้ฟันฝ่าเพื่อให้ได้ตำแหน่งมา ไม่ใช่จากการขายการแสดงออก หรือ พูดยั่วยวนเก่ง จนเป็นที่สนใจ จึงได้โอกาสในการชิงแชมป์

โดยในการแข่งขันฤดูกาล 2018 นี้ เริ่มต้นจาก 72 นักสู้ แบ่งเป็น 12 นักสู้ ใน 6 รุ่น ที่ถูกเลือกตัวมา แข่งขันกันในฤดูการปกติตั้งแต่ เดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เพื่อเก็บคะแนน โดยแบ่งเป็น

ชนะ จะได้ 3 แต้ม เสมอ 1 แต้ม และ แพ้ 0 แต้ม

โดยมีคะแนนพิเศษในการชนะได้ในแต่ละไฟท์ด้วย

โดยชนะยก 1 จะได้ 3 คะแนน ชนะยก 2 ได้ 2 คะแนน และ ชนะยก 3 ได้ 1 คะแนน

เพื่อคัดเลือกนักสู้จำนวน 8 คนที่มีคะแนนสูงสุด ไปสู่รอบ Play Off - Win Or Go Home ในเดือนตุลาคม

ในรอบ Play Off นักสู้ 8 คน ในแต่ละรุ่น จะแข่งขันกัน โดย ผู้ชนะต้องชนะ 2 รอบ เพื่อเข้าไปรอการ แข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 31 ธันวาคม เพื่อชิงเงินรางวัลที่มากที่สุดในการแข่ง MMA แบบทัวร์นาเมนต์ นั่นคือ 1 ล้านดอลล่าร์ หรือ 30 ล้านบาท โดยการแข่งขันทั้งหมดนี้มีเงินรางวัลรวมสูงถึง 10 ล้านดอลล่าร์เลยทีเดียว โดยแบ่งเป็น

- 1 ล้านดอลล่าร์ สำหรับผู้ชนะเลิศในแต่ละรุ่น

- 2 แสนดอลล่าร์ สำหรับรองชนะเลิศ

- 1 แสนดอลล่าร์ สำหรับ Semi final

- 5 หมื่นดอลล่าร์ สำหรับ Quarter final

MMA เป็นกีฬาที่ผสมหลากหลายวิชาการต่อสู้ทั้ง มวยสากล ยูโด มวยไทย คาราเต้ มวยปล้ำ BJJ และ อื่นๆ ซึ่งครั้งหนึ่ง วุฒิสมาชิก John McCain แฟนตัวยงของมวยสากล ได้เรียก MMA ว่า “human cockfighting” ในปี 1996 หลังจากเห็นการแข่งขัน UFC ครั้งแรก และ ต่อต้านการแข่งขันนี้ด้วยการร่อนจดหมายสุ่ผู้ว่าการอีก 50 รัฐ เพื่อแบน กีฬาป่าเถื่อนนี้ แต่หลังจาก จอนห์ แมคเคน ได้เข้ามาสัมผัสกับ MMA หลังจากที่มี unified rules และ มาตรการ ความปลอดภัย เค้าได้ทำงานร่วมกับ ผู้จัด MMA เพื่อการวิจัยปัญหาผลกระทบอาการบาดเจ็บทางด้านสมอง ก็เปลี่ยนความคิดไป จนเคยกล่าวว่า "เค้าจะลองวิชา MMA แน่นอนถ้ามีในสถาบันสอนใน Naval Academy"

แน่นอนว่าในวงการ MMA องค์กร UFC ถือว่ามีส่วนมากที่สุดในการเติบโตของกีฬานี้ โดยเฉพาะการมาถึงของซุปเปอร์สตาร์อย่าง Conor McGregor และ Ronda Rousey โดยในปี 2001 พี่น้อง Frank และ Lorenzo แห่งตระกรูล Fertitta จ่ายเงินซื้อ UFC มาในราคา 2 ล้านดอลล่าร์ ก่อนขายให้กับ WME-ING ในราคา 4 พันล้านดอลล่าร์. UFC มีรายรับกว่า 7 ร้อยล้านดอลล่าร์ ในปีที่ผ่าน และ ปัจจุบันมีมูลค่ามากกว่า 7 พันล้านดอลล่าร์ หลังจากที่ล่าสุดเซ็นสัญญาจำนวน 1พัน 5 ร้อยล้านดอลล่าร์จาก ESPN

ฉะนั้นเปรียบเทียบไป PFL ก็เหมือนเผชิญกับ กอริล่า ที่หนักกว่า 800 ปอนด์ ที่ชื่อว่า UFC และ เนื่องจาก PFL ขายในรูปแบบ ทัวร์นาเมนต์ แต่แฟนๆอาจจะยังไม่คุ้นหูคุ้นตากับเหล่านักสู้ ซึ่ง MMA ในปัจจุบันเหมือนจะเป็นรูปแบบที่ขับเคลื่อนโดยเหล่า ซุปเปอร์สตาร์ ดังเช่นรายการอื่นๆอย่าง Bellator และ ONE Championship

แต่ Davis ก็คิดว่า ทั้ง UFC และ PFL ก็ยังมีช่องทางให้เติบโตทั้งคู่ เขากล่าวว่า "ไม่มีใครเอาชนะ UFC ได้ในการขาย Pay-Per-View แต่นอกเหนือจากนั้นแล้ว PFL จะเป็นสิ่งที่แฟนๆ MMA ให้ความสนใจต่อมา เพราะมันมีทั้งการแข่งขันในรอบ เก็บคะแนน / รอบ Play Off และ รอบชิงชนะเลิศ ที่แฟนๆจะได้ติดตามนักสู้อย่างต่อเนื่อง"

โดยในปัจจุบัน กีฬา MMA คือกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 ของโลก เป็นรองเพียง ฟุตบอล และ บาสเกตบอล โดยมีแฟนๆทั่วโลกให้ความสนใจถึง 451 ล้านคน โดยการสำรวจของ Nielsen Sport DNA โดยกว่า 85 เปอร์เซนต์นั้นเป็นผู้ชมที่อาศัยอยู่นอก สหรัฐอเมริกา โดยประเทศที่มีการเจริญเติบโตด้านผู้ชมมากที่สุดคือ ประเทศบราซิล โดยมีแฟนๆเพิ่มขึ้นถึง 8 ล้านคนใน 3 ปีที่ผ่านมา รายงานโดย Jon Stainer ซึ่งเป็น MD ของ Nielsen Sports Americas

ด้วยการที่มีแฟนๆอยู่ทั่วโลกแบบนี้ ทำให้การถ่ายทอดสดผ่าน ดิจิตอล สตรีมมิ่ง เหมาะกับธุรกิจประเภทนี้ มากกว่าการทำเงินผ่าน TV หรือ ค่าบัตรผ่านประตู (PFL มีผู้เข้าชมแต่ละอีเวนท์เพียงหลักร้อย สูงสุดคือ 2,200 คน) ซึ่ง PFL ได้ทำการถ่ายทอดสดผ่านทาง Facebook Watch แทน ซึ่งมีผู้ชมมากถึง 2 ล้านคนในการชม และ ในรอบ Play Off เดือนตุลาคม มีแฟนๆเข้ารับชมมากถึง 2.3 ล้าน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอันดับที่ 2 ของการ ถ่ายทอดสดกีฬาบน FB Watch เป็นรองเพียงแค่การถ่ายทอดสดเบสบอล

PFL ได้ทำการถ่ายทอดผ่านทีวีด้วยเช่นกันกับ NBC Sports Network ซึ่งมีผู้เข้าชมสูงสุด 248,000 คนใน Event รอบนั้น ซึ่งทาง Davis ก็กล่าวว่ามีแผนที่จะขยายช่องทางการรับชม ให้มากขึ้นในปี 2019 และ 2020

Davis คิดว่าความถี่ของรายการ MMA นั้นน้อยจนเกินไปทำให้ตลาดยังไม่เติบโตมากนัก โดยในปี 2018 มีเพียง 72 รายการรวมกันทั้ง UFC / Bellator และ PFL หากไปเปรียบเทียบกับ บาสเกตบอล ที่มีการแข่งขันกว่า 6 พันเกม (รวมในมหาลัยและระดับอาชีพ) หรือ เบสบอล และ อเมริกันฟุตบอล ที่มีการแข่งขันรวมกันมากถึง 3,500 เกม

ในขณะที่ ตำนานของ UFC อย่าง Randy Couture ผู้ซึ่งมีสถิติการแข่งขันชิงตำแหน่งถึง 16 ครั้ง ซึ่งปัจจุบันได้มาเป็น ผู้บรรยายให้กับ PFL กล่าวว่า "PFL ไม่เหมือนองค์กร MMA อื่นๆในปัจจุบัน ที่ทำตัวเหมือน WWE (กีฬามวยปล้ำอาชีพที่เป็นการแสดง) มันไม่สำคัญว่า คุณพูดได้เก่งหรือไม่ ดึงดูดคนเป็นหรือเปล่า คุณแค่ออกไปสู้ให้ชนะ คุณก็จะได้รับในสิ่งที่ควรได้รับ"

Davis รวมถึงผู้ก่อตั้ง Mark Leschley และ Russ Ramsey ลงทุนกว่า 25 ล้านดอลล่าร์ เพื่อเปิดตัว PFL โดยการซื้อรายการ World Series Of Fighting ที่ดำเนินการมาตั้งแต่ 2012 เพื่อนำมาพัฒนา และ ได้ลิขสิทธิ์และสัญญาของเหล่านักสู้อีกมากมายมาพร้อมกัน

และในปีแรก PFL มีผู้ร่วมสนใจลงทุนมากมาย โดยมีนักลงทุนร่วมกันกว่า 28 ล้านดอลล่าร์ เช่น Ted Leonsis และ Mark Lerner เจ้าของทีมกีฬา รวมถึง เซเลปอีกหลายคนเช่น นักแสดงตลก Kevin Hart แม้กระทั่งนักสร้างแรงบันดาลใจอย่าง Tony Robbins ก็ยังมาร่วมด้วย โดย โทนี่ รอบบินส์ ยังได้กล่าวว่า "ซีซั่นแรกของ PFL แสดงให้เห็นถึงความน่าตื่นเต้นของ MMA ที่มีมากแค่ไหนเมื่อเป็นการแข่งแบบไขว่คว้าชัยชนะ มันแค่ชนะและไปต่อ จากต้นทางของการแข่งขัน จนไปถึง แชมป์เปี้ยนชิพ ซึ่งทั้งนักสู้และแฟนๆ รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น"

โดยตอนนี้ PFL ก็ได้วางแผนที่จะดำเนินตามรอย UFC ด้วยการสร้าง เรียลลิตี้ ซีรีย์ ที่จะแสดงให้เห็นการเดินทางของ เหล่านักสู้หน้าใหม่ที่จะฝึกฝนและแข่งขันกัน เพื่อที่จะได้เข้ามาเป็น 1 ในนักสู้ของ รอบ Playoff เช่นเดียวกันกับ The Ultimate Fighter ที่สร้างและช่วยให้ UFC กลายเป็นกีฬาที่เป็นกระแสหลัก โดยการมอบโอกาสให้ผู้ชนะได้รับสัญญานักสู้จาก UFC และ ซึ่งในรูปแบบธุรกิจแบบนี้ แม้ว่า PFL จะไม่ได้สร้างรายได้จาก PPV แต่ก็จะได้รายได้จากการติดตามชมของคนดู ต่อการตามเชียร์เหล่า สตาร์ MMA ที่จะเกิดขึ้นใน รายการเรียลลิตี้

และแน่นอนคนที่จะเป็นคนทำหน้าที่การนำเสนอ เรียลลิตี้ครั้งนี้ก็คงไม่พ้น Maestro Burnett ซึ่งเคยจัดรายการเรียลลิตี้แบบนี้มามากมายเช่น Survivor, The Voice, Shark Tank และ The Apprentice โดย Burnett ก็บอกว่า "รายการ PFL จะเป็นอนาคตของกีฬานี้ แฟนๆจะได้รู้จักเรื่องของเหล่านักสู้อย่างเจาะลึก ติดตามเส้นทางการเดินทางของเหล่านักกีฬาที่จะมุ่งไปสู่ความฝัน"

จากฐานข้อมูลที่เก็บกันมาเหล่าแฟนๆของ MMA นั้นเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาว โดยประมาณ 40 เปอร์เซนต์นั้นอยู่ในช่วงวัย 18-35 ซึ่ง PFL ก็เล็งในการเจาะตลาดแฟนๆกลุ่มนี้ให้มากยิ่งขึ้น โดยในปี 2019 ได้จับมือกับทีม E-Sport ยักษ์ใหญ่อย่าง Team Liquid ที่ Davis ได้เป็นผู้ลงทุนในทีมนี้เช่นเดียวกัน โดยปัจจุบันทีมนี้มีมูลค่ามากกว่า 200 ล้านดอลล่าร์แล้ว ซึ่งนักกีฬาจาก Team Liquid จะเข้าร่วมชมการแข่งขัน และ ช่วยโปรโมทอีเวนท์ให้กับแฟนคลับของผู้เล่นผ่าน Channel ต่างๆเชน Twitch ซึ่งสร้างรายได้หลายล้านดอลล่าร์ให้กับเหล่าผู้เล่น

และนอกจากนั้น Davis ยังได้ทำการเซ็นสัญกับ Durham บริษัทจาก North Carolina ที่จะร่วมกันพัฒนาระบบเทคโนโลยี ที่จะคอยติดตามเหล่านักสู้ MMA บนกรง โดยผ่านระบบ กรงอัจฉริยะ ที่จะแสดงผลของทักษะต่างๆของนักสู้ ไม่ว่าจะเป็น ความเร็วของหมัด เท้า เข่า ศอก ความหนักหน่วง การเต้นของหัวใจ ความเหนื่อย ซึ่งจะปรากฏขึ้นบนจอให้กับแฟนๆที่ร่วมชมอยู่ได้เห็นพร้อมๆกัน

และ อีกหนึ่งในสิ่งที่น่าสนใจในปี 2019 นั่นคือ PFL จะเพิ่มรุ่นผู้หญิงขึ้นมาด้วย เพื่อให้โอกาสแก่เหล่านักสู้หญิง ที่อยากจะก้าวเข้าสู่สังเวียนการต่อสู้ โดยมี Kayla Harrison ซึ่งชนะเหรียญทองยูโด มา 2 ครั้ง เป็นตัวชูโรง โดยจะมีเงินรางวัลเท่ากันกับรุ่นผู้ชาย ซึ่งเป็นสิ่งที่กีฬาส่วนใหญ่มักจะไม่เท่าเทียมกัน

ก็ถือว่าเป็นอีก 1 องค์กร MMA ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากครับ ในปีนี้ถ้ามีการคัดตัวและเริ่มแข่งขันเมื่อไหร่ แอดมินจะรีบนำมาแจ้งโดยไวนะครับ

Comment