ตอนที่ 3. ความสำคัญของการแข่ง BJJ และการเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน

แมทช์การแข่งขัน BJJ ในปัจจุบันมีเยอะมาก ทั้งแบบ Gi และ No Gi เนื่องจากจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั่นเอง โดยจะจัดภายใต้องค์กร และกติกาต่างๆกัน เช่น IBJJF, ADCC, ASJJF, UAEJJF โดยมีชื่อเรียกรายการต่างกันไปเช่น Pan Asia, Dumau, Copa De Malaysia ฯลฯ ซึ่งส่วนใหญ่จะอิงหลักกติกาตาม IBJJF ซึ่งถือว่าเป็นองค์กรใหญ่และได้รับการยอมรับมากที่สุดในโลก ส่วนในประเทศไทยเรา ก็จะมี Copa De Bangkok ซึ่งใช้กติกาตาม IBJJF เช่นกัน บางการแข่งขันอาจจะมีการดัดแปลงกติกาออกไปเล็กน้อย เช่น Dumau ของ ASJJF จะตัดคะแนน Advantage ออก เพื่อความสะดวกของกรรมการ (แต่นักกีฬาเหนื่อยมากขึ้นนะครับ)

กติกาเบื้องต้นแบบเข้าใจง่ายๆ คือการพยายามทำให้คู่ต่อสู้ตบยอมแพ้ (ใช้มือตบ เท้าตบ หรือร้องก็ได้) [การร้อง ออกเสียงก็ทำให้ถูกปรับแพ้ไปแบบ งง งงได้ด้วยเหมือนกัน] หรือถ้าสู้กันจนหมดเวลาแล้ว ยังไม่มีใครสามารถเอาชนะได้ ก็จะเอาคะแนนมาคิด ซึ่งคะแนนจะมาจากตำแหน่งต่างๆเช่นการขึ้นคร่อม (mount) การได้ตำแหน่งหลัง (take back) หรือการ ผ่านการ์ด (pass guard) ถ้าคะแนนยังเท่ากันอีก ก็จะมีการนำแต้มขยัน (advantage) มาช่วยในการตัดสิน กติกาแบบละเอียดสามารถติดตามได้ในหน้าเว็บของ IBJJF

การแข่งขันนั้นมีความสำคัญมาก ในเรื่องของการพัฒนาเกมส์การเล่น จากประสบการณ์ของผู้เขียนเอง อะไรที่ผิดพลาดมาจากในสนามแข่ง จะจำได้แม่นมาก ซึ่งเราสามารถนำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาแก้ไข ปรับปรุงหรือพัฒนาเทคนิคของเราให้ดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นการฝึกการควบคุมอารมณ์ ความตื่นกลัวจากสถานการณ์เฉพาะหน้าได้อย่างดีด้วย ถ้าใครเคยแข่งแรกๆจะรู้สึกถึงอาการตื่นสนาม หูอื้อ ตามัว ใจเต้นแรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้เหนื่อยเร็วมากขึนไปอีก

การคุมน้ำหนักก่อนการแข่งขัน ยังทำให้เราต้องคอยดูแลสุขภาพ ตั้งแต่การกินอาหารที่ถูกต้อง ตามหลักโภชนาการ การปรับการนอนให้เป็นเวลามากขึ้น การซ้อมที่มากขึ้น ซึ่งทุกอย่างนี้ ล้วนทำให้เราได้สุขภาพที่ดีขึ้นทั้งนั้น การชั่งน้ำหนัก ตามกติกา IBJJF จะทำการชั่งน้ำหนัก่อนเข้าสนามแข่งขันเลย ฉะนั้นนักกีฬาไม่ควรที่จะลดน้ำหนักด้วยการรีดน้ำ ตัดน้ำแบบนักกีฬามวย หรือ MMA เพราะจะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเกินไปได้  ส่วนผู้ที่ไม่ชอบการแข่งขันก็ยังสามารถที่จะฝึกซ้อมเพื่อเป็นการผ่อนคลายและรักษาสุขภาพด้วย

การซ้อมก่อนการแข่ง นักกีฬา BJJ ส่วนใหญ่จะเน้นที่การเข้าท่า (Drill) ซ้ำๆหลายๆรอบ เพื่อช่วยให้ร่างกายจดจำการเคลื่อนไหวที่ซ้บซ้อน หรือที่ชอบเรียกกันติดปากว่า "muscle memory" ประมาณว่า ถ้าเข้ามุมถนัดของตัวเองเมื่อไหร่แทบจะไม่ต้องคิดว่าจะทำอะไรต่อดี ปล่อยให้ร่างกายมันพาไปได้เลย นักกีฬาหลายๆคนยังพยายามหลีกเลี่ยงการซ้อมที่หนักเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการบาดเจ็บก่อนการแข่งขันได้อีกด้วย

ป.ล. สัญลักษณ์แฮงค์ลูส (Hang Loose)หรือ Shaka ที่เห็นพวกนักกีฬา BJJ ชอบทำกันเวลาถ่ายรูปคือสัญลักษณ์ของนักเล่นกระดานโต้คลื่น และชาวฮาวาย ซึ่งมีความหมายถึงการทักทาย หรือ แปลว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ซึ่งชาวบราซิลที่นิยมเล่นกระดานโต้คลื่นก็รับวัฒนธรรมนี้มาด้วย และสุดท้ายก็เลยติดมากับ ฺBJJ ที่กำลังได้รับความนิยมไปทั่วโลก