FITNESS & LIFESTYLE

นางฟ้านักวิ่ง มาราธอนนี้มีเธอเป็นเป้าหมาย

14.05.2019

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงหลังมานี้ประเทศไทยของเราหันมาให้ความสนใจในด้านสุขภาพและการออกกำลังกายกันมากขึ้น โดยเฉพาะการวิ่ง ที่ไม่ว่าจะไปไหน เมื่อไหร่ เรามักจะเห็นอีเว้นท์งานวิ่งอยู่เสมอ ทั้งการวิ่งการกุศล วิ่งมาราธอน มินิมาราธอน ทั้งหลาย นอกจากจะได้ความความแข็งแรงของร่างกายแล้ว อาหารตา อาหารใจก็สำคัญไม่แพ้กัน

“บีม” เลิศศิริ โตสิงห์
ประสบการณ์การวิ่งของเธอเริ่มมาจากการที่ต้อง "วิ่งแก้บน" แต่ด้วยความที่ตั้งแต่เด็กๆ เธอก็เป็นนักวิ่งของโรงเรียนอยู่แล้วเลยอยากต่อยอดความท้าทายของตนเองลงแข่งขันวิ่งมาราธอน หลังจากนั้นเป็นต้นมาเธอก็ลงแข่งขันรายการวิ่งมาเรื่อยๆ โดยที่มีรางวัลการันตีความแข็งแรงของร่างกายอยู่ไม่น้อย


"น้ำ" เกษมณี ศิลาเขตต์
ถ้าจะไม่พูดถึงเธอคนนี้คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะเมื่อไหร่ที่มีการจัดอันดับนางฟ้านักวิ่งชื่อของเธอจะต้องติดโผอยู่เสมอ เรียกได้ว่าลงงานวิ่งครั้งไหน ตากล้องเป็นต้องกดชัตเตอร์รัวๆ ใส่ทุกที น้องน้ำ เคยผ่านเวทีการประกวดสาวงามมาแล้ว แถมมีดีกรีไม่ธรรมดา ด้วยการคว้าตำแหน่งรองอันดับ 1 นางสาวนครราชสีมา ปี2557 หรือก่อนหน้านี้กับ ขวัญใจสื่อมวลชนนางสาวนครราชสีมา ปี 2555 และรองอันดับ 1 มิสนครราชสีมาเกมส์ เมื่อปี 2557

"ข้าวโอ๊ต" นุชราวดี ไชยสิงห์
สาวคนนี้เริ่มวิ่งเพราะต้องการ "ลดความอ้วน" จึงตัดสินใจออกกำลังกายด้วยการวิ่งเพราะเป็นอะไรที่ง่ายที่สุด ไม่ต้องมีอุปกรณ์เยอะ แค่รองเท้าหนึ่งคู่ ใจพร้อม ร่างกายพร้อม ก็ไปวิ่งได้แล้ว และปัจจุบันเธอยังเป็น Pacer สาวสวยในทีม NRC BKK (Nike+ Run Club Bangkok) อีกด้วย


"เมเปิ้ล" พรนิภา วาณิชวิเศษกุล
สาวสวยขวัญใจนักวิ่งมาราธอน ที่เคยมีดราม่าเป็นเรื่องที่ถกเถียงในโลกออนไลน์ หลังจากนักวิ่งมาราธอนสาว โพสต์ภาพตัวเองในงานวิ่งแห่งหนึ่ง แต่ปรากฏว่าคนโซเชียลต่างพากันแชร์ภาพดังกล่าวออกไปจนกลายเป็นกระแสทั้งในเชิงบวก และเชิงลบ รวมถึงการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปร่างหน้าตา ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อและถูกคุกคามทางโซเชียล หรือ Cyberbullying ซึ่งเมเปิ้ลได้ฝากข้อคิดถึงประเด็นดังกล่าวเอาไว้ว่า คิดต่างได้ วิจารณ์ได้ แต่ไม่ควรละเมิดสิทธิของคนอื่น


"น้องยิ้ม" วิชญ์วรา วีรทรัพย์กุล
นางฟ้านักวิ่งสาวสวย แห่งเมืองล้านนา เธอเริ่มวิ่งมาราธอนมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว โดยครั้งแรกที่ตัดสินใจออกวิ่ง เพราะเธอมีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งต้องทานยารักษามาเป็นปีๆก็ไม่ดีขึ้น ทั้งนี้แพทย์ที่รักษาจึงได้แนะนำให้เธอหากิจกรรมทำ เช่น การออกกำลังกาย เธอจึงตัดสินใจได้ทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้รักษา  เมื่อเธอวิ่งเข้าเส้นชัยได้สำเร็จความรู้สึกในตอนนั้นเธอรู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก และเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้อีกครั้งตั้งแต่ที่ป่วย จากนั้นเธอจึงหันมาจริงจังกับการวิ่งและเริ่มลงสมัครในงานวิ่งต่างๆอยู่เรื่อยๆ เมื่อผ่านไปซักระยะ เธอเริ่มสังเกตตัวเอง พบว่าอาการซึมเศร้าของเธอนั้นดีขึ้นมาก และเธอแทบไม่ต้องกินยารักษา ไม่ต้องไปพบแพทย์อีก โดยระยะสูงสุดการวิ่งที่ "น้องยิ้ม" วิ่งมา คือเทรล 66 กิโลเมตรในสนามเทรล ส่วนทาง road ก็จบ marathon 42 กิโลมา 1 ครั้ง

Comment