FIGHT & MARTIAL ARTS

เกร็ดกีฬาบราซิลเลี่ยนยิวยึตสู ตอนที่ 11 : ตอบปัญหาถามบ่อยสำหรับคนอยากเรียน BJJ

10.08.2017

เกร็ดกีฬาบราซิลเลี่ยนยิวยึตสู ตอนที่ 11 : ตอบปัญหาถามบ่อยสำหรับคนอยากเรียน BJJ

ช่วงนี้กระแส BJJ กำลังมาแรง เพราะคนเริ่มรู้จักสนใจ กีฬา MMA มากขึ้นนั่นเอง (BJJ เป็นหนึ่งในศิลปะการต่อสู้ที่คนฝึก MMA นิยมใช้กันเพื่อต่อสู้บนพิ้น) หลายคนก็สนใจอยากที่จะหัดเล่นดู แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเล่นได้หรือเปล่า เกิดคำถามต่างๆนาๆ ตามมาอย่างมากมาย เช่น จะบาดเจ็บรุนแรงไหม ต้องมีร่างกายแข็งเรงหรือเปล่า เป็นผู้หญิง มีอายุมากแล้วจะเล่นได้ไหม ไม่เคยมีพื้นฐานการต่อสู้อะไรเลย ต้องเตรียมร่างกายยังไง วันนี้ใบตองแห้งขออนุญาตมาไขปัญหาทุกข้อข้องใจกันครับ

บีเจเจเป็นกีฬา ศิลปะป้องกันตัวที่แปลกใหม่ เรียกได้ว่าเล่นกันได้ทุกเพศทุกวัยจริงๆ โดยเฉพาะจะเห็น ผู้ใหญ่ คนมีอายุ ผู้หญิง คนที่เคยมีประสบการณ์กีฬาต่อสู้ชนิดอื่น หรือแม้กระทั่งดารานักแสดงก็สนใจเข้ามาเรียนรู้กัน (ตอนนี้คลาสเด็กหลายยิมก็เริ่มมีแล้วนะครับ)  ซึ่งต่างจากศิลปะการต่อสู้ชนิดอื่น ที่มักจะเริ่มเรียนรู้กันตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ ซึ่งนี่อาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การเริ่มต้นใหม่ไม่เป็นที่น่าเคอะเขินอะไร เพราะทุกคนล้วนเริ่มมาจาก ศูนย์ ด้วยกันทั้งนั้น อีกทั้งยังใช้ หลักการเคลื่อนไหวร่างกายแบบธรรมชาติ บวกกับ หลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่นคานดีดคานงัด สรีระวิทยา ซึ่งถูกออกแบบเพิ่อให้คนตัวเล็กสามารถสู้กับคนตัวใหญ่ได้  ถ้าได้เรียนกับอาจารย์ที่มีความรู้ ประสบการณ์ และสามารถถ่ายทอดได้อย่างถูกต้องนี่จะรู้สึกสนุกและมีเรื่องให้น่าค้นหาตลอดเวลา


Kid Class จาก Lion Martial Arts โดย ครูปอนด์ คมฤทธิ์

สำหรับคนที่กลัวบาดเจ็บ ต้องบอกไว้เลยว่า BJJ ถ้าเทียบกับศิลปะป้องกันตัวชนิดอื่นแล้วต้องถือว่าโอกาสบาดเจ็บนั้นค่อนข้างต่ำมาก ถึงแม้จะเป็นกีฬาต่อสู้แต่ถ้าเรารู้สึกเจ็บไม่ไหวก็ให้แท๊ปยอมแพ้ แล้วก็เริ่มใหม่ ผมอยากจะแนะนำสำหรับผู้เริ่มเล่นใหม่ซักเล็กน้อยว่า ให้พยามยามเลือกคู่ซ้อม หรือคู่ต่อสู้ที่เป็นสายสี เพราะว่าพวกนี้จะมีประสบการณ์มากกว่า เค้าจะสามารถแนะนำเราได้เวลาที่เราทำผิด หรือแม้แต่เวลาเข้าคู่ต่อสู้กัน การสู้กับสายสีนั้นโอกาสบาดเจ็บจะน้อยกว่า เพราะว่าสายสีนั้น มักจะควบคุมการใช้แรงได้ และไม่จำเป็นต้องใช้แรงกับเรามากเนื่องจากมีเทคนิคที่สูงกว่านั่นเอง มีหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สายที่อันตรายที่สุดคือ" สายขาว " เพราะด้วยความที่ไม่รู้ท่าหรือการเคลื่อนไหวที่ถูกต้อง การเคลื่อนไหวหลายๆอย่างมักจะเกิดจากจินตนาการที่เจ้าตัวคิดว่า "ทำได้" และมักจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บตามมานั่นเอง ส่วนอีกพวกที่มักจะบาดเจ็บเป็นประจำก็คือ พวกที่มี EGO สูง แพ้ไม่เป็น จึงมักจะฝึนไม่ยอมแพ้ซะเป็นส่วนใหญ่ และก็ตามมาด้วยอาการบาดเจ็บนั่นเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูที่เจตนาในการฝึกของแต่ละคนด้วย เพราะแต่ละคนต้องการฝึกเพื่อใช้ในจุดประสงค์ที่ต่างกัน เช่น ป้องกันตัว สำหรับงานแข่งกีฬา เพื่อสุขภาพและมิตรภาพ


บัวขาว ยอดนักมวยไทย ก็ยังฝึกฝน BJJ

ส่วนคนที่คิดว่าตัวเองหัวช้าจะตามคนอื่นไม่ทัน หรือกลัวว่าจะถ่วงคนอื่น ผมอยากจะเรียนให้ทราบว่า ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดครับ ทุกคนที่มาเรียนล้วนเริ่มจากศูนย์กันทั้งนั้น เพียงแต่เราต้องมีความพยายามในการเรียนรู้ให้มากขึ้น เช่นลองหาคู่ซ้อมที่มีประสบการณ์มากกว่า เค้าก็จะช่วยแนะนำเราให้เอง นอกจากว่าท่านจะช้าจนเกินมาตรฐาน ก็ยังสามารถที่จะนัดเรียนไพรเวท กับอาจารย์ เพื่อเสริมความรู้ความเข้าใจให้มากขึ้นได้ (การเรียนไพรเวทคลาส หรือตัวต่อตัวนั้น มักจะมีค่าใช้จ่าย ให้สอบถามจากอาจารย์ของท่านเองนะครับ)  ส่วนท่านไหนที่หยุดเรียน หยุดซ้อมไปนาน แล้วกลัวว่าจะตามไม่ทัน หรือประติดประต่อท่าไม่ได้ ผมอยากให้นึกถึงจิ๊กซอขนาด 1000 ชิ้น ซึ่งหลังจากที่เทออกมาจากกล่อง คุณจะเริ่มต่อจากตรงไหนก่อนก็ได้ไม่ไม่มีใครไปบังคับตายตัว ว่าจะเป็น กรอบด้านนอกก่อน ต่อลูกบัลลูน ตัวบ้าน ท้องฟ้า หรือต่อตรงแม่น้ำก่อนดี ซึ่งสุดท้ายแล้วมันก็จะรวมกันเป็นรูปอยู่ดี เพียงแต่คนที่เริ่มต่อก่อน มีเวลานั่งต่อได้นานกว่า ก็มักจะสำเร็จได้ก่อนนั่นเอง

ส่วนท่านไหนที่มี โรคประจำตัว หรือ อาการบาดเจ็บเรื้อรัง มาก่อน ถ้าไม่ใช่อันตรายร้ายแรงถึงชีวิตก็สามารถเล่นได้ครับ เพียงแต่ต้องแจ้งครูผู้สอนและคู่ซ้อมให้ทราบก่อน แต่ถ้าท่านรู้ว่ามันอันตรายกับตัวเองหรือผู้อื่นก็ควรหลืกเลี่ยงนะครับ ไปรักษาให้หายหรือคุมอาการได้ก่อนแล้วค่อยกลับมาเล่นใหม่่ก็ยังไม่สาย BJJ ยังจะขยายต่อไปและอยู่ได้อีกนานไม่แพ้ เทควันโด เลยทีเดียว ส่วนผู้ที่มีอาการบาดเจ็บจากอย่างอื่นมา เราก็สามารถที่จะหลีกเลี่ยงมันได้ โดยการเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน นักกีฬาระดับอาชีพหลายคนก็มีอาการบาดเจ็บ พิการอยู่ แต่ก็สามารถพัฒนาทักษะอย่างอื่นเพิ่มเติมขึ้นมาทดแทนได้ ตัวอย่างเช่น อาจารย์
Jean Jacques Machado ถึงแม้จะมีมืออีกข้างพิการ มีแค่นิ้วโป้งครึ่งนิ้ว แต่ก็ยังสามารถคว้าแชมป์โลก 11 สมัยได้อย่างสบายๆ

หลังจากได้ข้อมูลเหล่านี้ไปแล้วก็หวังว่า ท่านทั้งหลายคงจะเบาใจขึ้นนะครับ เพียงแค่เดินเข้ายิมที่เล็งไว้แล้วก็เริ่มเรียนซะ ท่านก็จะได้เห็นโลกแห่งการต่อสู้ซึ่งแตกต่างจากที่เคยสัมผัสมาอย่างแน่นอน และสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ก่อนการสมัครเรียน ก็คือ จิตใจที่พร้อมจะเรียนรู้สิ่งใหม่่ๆ ชุดฝึกจะซื้อใหม่หรือหยิบยืมเพื่อนมาก่อนก็ได้ (ยืมแล้วกรุณาคืนด้วยนะครับ ผมเคยเจอพวกยืมไปแล้วไม่ยอมคืน วันไหนเก่งแล้วจะตามไปรัดคอถึงบ้านเลย ^^) และที่ขาดไม่ได้สำคัญที่สุดก็คือ "เงินค่าสมัครเรียน" นั่นเองครับ

บทความ เกร็ดกีฬาบราซิลเลี่ยนยิวยึตสู โดย ใบตองแห้ง

Comment